สิ้นสุดการรอคอยอันเนิ่นนานของนักเลงรถปิกอัพเมืองไทยและเป็นการเริ่มต้นศึกใหญ่ในตลาดรถเชิงพาณิชย์อย่างเต็มตัว เมื่อโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยประกาศเปิดตัวโตโยต้า ไฮลักซ์ รีโวออกทำตลาดอย่างเป็นทางการ
ไฮลักซ์ รีโวเป็นรถกระบะรุ่นที่ 4 ที่เปิดตัวสู่ตลาดเมืองไทยในรอบไม่ถึง 2 ปี ถัดจากนิสสัน นาวาร่า มิตซูบิชิ ไทรทันและฟอร์ด เรนเจอร์ที่เพิ่งเผยโฉมแบบไม่เปิดราคาเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าเซกเมนท์รถกระบะเมืองไทยยังคงมีความสำคัญและเป็นตลาดใหญ่ไม่แพ้ชาติใดในโลกถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทีมงาน Autospinn.com จะหยิบข้อมูลจุดเด่นและจุดด้อยของรถใหม่ที่เปิดตัวไล่เลี่ยกันมาเปรียบเทียบ เชิญชมกันได้เลย
การออกแบบและอุปกรณ์
โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว
เปิดตัวได้ยิ่งใหญ่สมกับการรอคอยนานนับปี โตโยต้าโวลั่นว่าไฮลักซ์ รีโว ซึ่งเป็นรถกระบะไฮลักซ์เจนเนอเรชั่นที่ 8 เป็นการ “ปฏิวัติทุกมิติ แห่งกระบะอนาคต” การออกแบบภายนอกเน้น “ความแกร่ง” สร้างประสบการณ์การขับขี่เฉกเช่นรถเอสยูวีระดับหรู กระจกมองข้างโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยว ล้ออัลลอย 17 นิ้ว เดย์ไลท์ LED ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ที่ใช้เทคโนโลยีเปิด-ปิดอัตโนมัติ ไฟท้ายพร้อมไฟตัดหมอก สีตัวถังมีให้เลือกทั้งสิ้น 7 สี โดยเป็นสีใหม่ด้วยกัน 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Nebula Blue สีแดง Crimson Spark Red และสีขาวมุก White Pearl Crystal
รูปลักษณ์ภายนอกดูทันสมัยยิ่งขึ้นชัดเจนโดยเฉพาะด้านหน้า ส่วนบั้นท้ายยังคงสไตล์คล้ายรุ่นเดิม หากมองหน้าตาในภาพรวมอาจไม่โดนใจบางคน แต่ก็มีหลายคนที่มองว่ารีโวมีความโดดเด่นและน่าใช้กว่าวีโก้ (ซึ่งทำตลาดมานานมาก) เราปล่อยให้ท่านผู้อ่านพิจารณากันตามอัธยาศัย
ภายในห้องโดยสารเน้นย้ำแนวคิดการถ่ายทอดรถเอสยูวีหรูไว้อย่างชัดเจน ด้วยโครงสร้างและดีไซน์ที่ออกไปทางรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ ครบครันด้วยอ็อปชั่น ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติหรือครูสคอนโทรล หน้าจอแสดงผลข้อมูล 4.2 นิ้ว เนวิเกเตอร์แสดงผลผ่านจอสัมผัส 7 นิ้ว ปุ่มสตาร์ทและเข้าออกห้องโดยสารโดยไม่ต้องใช้กุญแจ กล่องเก็บของรักษาความเย็น ช่องปรับอากาศสำหรับเบาะหลัง
ความปลอดภัยถือว่าเหนือชั้นเกินความคาดหมาย ทั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่เพียบพร้อมอย่างระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบควบคุมการออกตัวทั้งทางขึ้นและทางลง กล้องมองหลังและที่สำคัญคือถุงลมนิรภัยที่มีมาให้ถึง 7 ลูกเลยทีเดียว
รุ่นดับเบิ้ลแค็บ และรุ่นมาตรฐาน พร้อมส่งมอบให้ลูกค้าเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้ สำหรับรุ่นสมาร์ทแค็บ สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันนี้และจะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป
นิสสัน นาวาร่า
นาวาร่าถือเป็นรถกระบะที่ให้บรรยากาศของการเป็นรถยนต์นั่งและรถที่รองรับการใช้งานในเมืองมากกว่าใครเพื่อน โดดเด่นด้วยไฟเดย์ไลท์แอลอีดีที่กรอบโคมไฟหน้า การออกแบบที่เน้นเส้นสายไล่ไปตามตัวถังมากกว่ารถปิกอัพทั่วไป ตัวถังของนาวาร่ามีขนาดกว้าง 1,850 มม. ยาว 5,255 มม. สูง 1,820 มม. มีระยะฐานล้อยาว 3,150 มม. ความสูงใต้ท้องรถ 220 มม.
ความสะดวกสบายในห้องโดยสารตอนหน้าของนาวาร่าให้อารมณ์ที่ใกล้เคียงรถเก๋งมากขึ้นเรื่อย ๆ เหมาะสำหรับคนที่มองหารถปิกอัพที่มีสไตล์แบบรถยนต์นั่งและ “ขับหล่อ” นาวาร่ายังมีช่องจ่ายไฟสามจุด เบาะหลังของรุ่นดับเบิลแค็บนั่งสบายเนื่องจากปรับเอนได้มากกว่าเดิม พร้อมพรั่งด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมกล้องมองหลังและระบบปรับอากาศที่ตอนหลังเรียกว่าออกแบบมาตอบสนองกลุ่มลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น
ล่าสุด นิสสันยังเพิ่งเปิดตัวรุ่นซิงเกิลแค็บที่มาพร้อมกล้องมองหลังและที่เหยียบขึ้นกระบะด้านข้าง ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น (ยกเว้นรุ่นแชสซีส์แค็บ) เพื่อเพิ่มความมั่นใจและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่มากขึ้นในขณะถอยจอดสำหรับการบรรทุกของหนัก
มิตซูบิชิ ไทรทัน
มิติตัวถังของไทรทันมีขนาดใหญ่ขึ้นและเน้นเหลี่ยมคมที่ชัดเจนขึ้นกว่ารุ่นเดิม เห็นได้ว่าทีมนักออกแบบต้องการเน้นภาพลักษณ์แข็งแกร่ง บึกบึน ให้ความรู้สึกในด้านการใช้งานเรื่องการขนส่งได้ดีพอสมควร ขณะเดียวกันยังมีกลิ่นอายแบบรถยนต์นั่งตามเทรนด์ของรถกระบะในปัจจุบัน โดยเฉพาะโคมไฟหน้าที่ฉีกกว้างและมาพร้อมไฟเดย์ไลท์ดูหรูหราอลังการ
นักขับรถทดสอบของ Autospinn ได้สัมผัสรุ่นไทรทัน พลัส ตัวยกสูง การขึ้นลงรถทำได้โดยสะดวกด้วยกาบบันไดข้างและมือจับโหนตัว ในรายละเอียดปลีกย่อยที่ติดตั้งเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นระบบสมาร์ท เอนทรีที่มาพร้อมปุ่มเปิด-ปิดประตูพร้อมกุญแจอัจฉริยะ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบพับอัตโนมัติขณะล็อกรถทำให้รถคันนี้ดูหรูหราขึ้นมาเกินกว่าที่จะนำไปขนของจริง ๆ ในชีวิตประจำวัน ทางมิตซูบิชิยังชูจุดขายในเรื่องความเงียบในค็อกพิท มองในภาพรวมไม่ถือว่าโดดเด่น แต่ก็รองรับการใช้งานได้ดี
นอกจากนี้ยังมีรุ่นไทรทัน ซิงเกิล แค็บ 3 รุ่นที่เพิ่งขายจริงเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เน้นรองรับการบรรทุกได้ลงตัวมากขึ้น เสริมความแข็งแกร่งเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารด้วยโครงสร้างนิรภัยเหล็กกล้า Super Frame รวมไปถึงเพิ่มพื้นที่ในการบรรทุก เพื่อการใช้งานในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่
ฟอร์ด เรนเจอร์
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 2 ระบบเชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารภายในตัวรถรุ่นล่าสุด ช่วยให้ผู้ขับขี่ควบคุมระบบต่างๆ ของตัวรถได้อย่างชาญฉลาดและปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยระบบการรับคำสั่งผ่านเสียง โดยผู้ขับขี่สามารถพูดคำสั่งภาษาอังกฤษเช่น “Temperature 20 degrees” “play AC/DC” หรือ “I’m hungry” เพื่อควบคุมระบบปรับอากาศ ระบบความบันเทิง หรือระบบนำทางของรถได้ทันที ส่วนจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว และคำสั่งแบบแยกสี ช่วยให้การเลือกใช้งานเมนูต่างๆ ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งยังติดตั้งช่องชาร์จไฟแบบ 240 โวลต์ ซึ่งสามารถใช้ชาร์จไฟคอมพิวเตอร์โน๊ตบุคได้
นอกจากนี้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่ มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะเต็มรูปแบบ ที่จะช่วยให้ทุกการขับขี่ของคุณปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ทั้งระบบรักษาช่องทางขับขี่ (Lane Keeping Aid) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่างระหว่างรถคันหน้า (adaptive cruise control) ระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ (Driver Impairment Monitor) และเซนเซอร์ช่วยจอดหน้า-หลัง (Front and Rear Parking Sensors)
เครื่องยนต์โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว
ขณะที่รุ่นดีเซลรองลงมาใช้มรหัส 1GD-FTV รีดกำลังสูงสุด 170 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตรที่ 1,200-3,400 รอบต่อนาที สำหรับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร มาพร้อมรหัสเครื่องยนต์ 2GD-FTV ที่มีพละกำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตรที่ 1,400-2,800 รอบต่อนาที มาพร้อมระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop & Start System)
ลูกค้ายังสามารถเลือกรุ่นเครื่องยนต์เบนซินบล็อกเดิมที่ได้รับการพัฒนาด้วยการติดตั้งระบบดูอัล วีวีที-ไอให้กับเครื่องรหัส 2TR-FE ให้กำลังสูงสุด 166 แรงม้าที่ 5,200 รอบต่อนาทีและแรงบิดสูงสุด 245 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลังมีทั้งเกียร์ธรรมดา iMT 6 สปีดและระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานร่วมกับระบบป้องกันล้อหมุนฟรีแบบแอคทีฟและระบบล็อกเฟืองท้าย
เครื่องยนต์นิสสัน นาวาร่า
เครื่องยนต์ของนาวาร่า เอ็นพี300 รุ่นใหม่ได้รับการปรับเปลี่ยนระบบเทอร์โบชาร์จ ใช้มอเตอร์ควบคุมเทอร์โบแปรผัน พร้อมปรับลดกำลังส่วนอัดเหลือ 15:1 ดูแล้วรุ่นล่าง 163 แรงม้าก็เพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แต่ทางนิสสันเพิ่มทางเลือกและมูลค่าทางการตลาดด้วยการนำเสนอรุ่นสูงสุด 190 แรงม้าที่มีพลังเหลือเฟือ
นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร 4 สูบ ระบบหัวฉีดมัลติพอยท์ ให้กำลังแรงสูงสุด 169 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 241 นิวตันเมตร การขับขี่ของนาวาร่าถูกเซ็ทอัพให้นุ่มนวลยิ่งขึ้นตามบุคลิกของตัวรถที่ขยับเข้าใกล้รถยนต์นั่ง โดยเฉพาะรุ่นดับเบิลแค็บ 4 ประตูที่นิ่มนวลที่สุด ส่วนการควบคุมพวงมาลัยอยู่ในระดับมาตรฐานถ้าไม่พุ่งทะยานด้วยความเร็วจัดเกินไป
เครื่องยนต์มิตซูบิชิ ไทรทัน
ลูกค้ายังสามารถเลือกใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร 128 แรงม้า แรงบิด 240 นิวตันเมตรและเครื่องยนต์เบนซินรหัส 4G64 ความจุ 2.4 ลิตรที่มีพลัง 128 แรงม้า แรงบิด 194 นิวตันเมตร
ระบบส่งกำลังมีให้เลือกทั้งรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 สปีดและ 6 สปีด รวมถึงเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ง่ายต่อการขับขี่โดยสามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้ง่ายด้วยสวิตซ์หมุนแบบไฟฟ้า รวมไปถึงรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อแบบยกสูงและรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ
นักทดสอบของ Autospinn เผยว่าการตอบสนองของเครื่องยนต์รุ่น 2.4 ลิตรและระบบส่งกำลังของรุ่นไทรทัน พลัสถือว่ามีความลงตัวและรองรับการใช้งานทั่วไปได้ดี การเรียกกำลังทำได้อย่างง่ายดายทั้งจากจังหวะออกตัวและจังหวะการเร่งแซงที่ความเร็วต่ำถึงปานกลาง อย่างไรก็ตาม การขับขี่ที่ความเร็วปานกลางขึ้นไปและเปลี่ยนความเร็วกะทันหันไม่ว่าจะเร็วขึ้นหรือช้าลง ดูเหมือนเครื่องยนต์จะต้องใช้เวลาในการปรับอยู่ชั่วเสี้ยววินาที ทำให้การขับขี่ยังไม่ไหลลื่นเท่าที่ควร
เครื่องยนต์ฟอร์ด เรนเจอร์
ขุมพลังของฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่เริ่มจากขนาด 2.2 ลิตร ดีเซล ดูราทอร์ค พละกำลังสองระดับคือ 125 แรงม้าและ 150 แรงม้า (รุ่นวีจี เทอร์โบ) ส่วนแรงบิดมีทั้งระดับ 330 นิวตันเมตรและ 385 นิวตันเมตรซึ่งกินน้ำมันลดลง 20%
ขณะที่เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร แบบ 5 สูบรุ่นล่าสุดมีการติดตั้งระบบหมุนเวียนไอเสียแบบใหม่เพื่อความประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์ พร้อมมอบพละกำลังสูงสุด 200 แรงม้าและแรงบิด 470 นิวตันเมตร สำหรับผู้ที่ต้องการสมรรถนะและแรงบิดสูงสุดในการลากจูง นอกจากนี้ยังมีเครื่องยนต์เบนซิน ดูราเทค ขนาด 2.5 ลิตร ที่มอบพละกำลังสูงสุด 122 กิโลวัตต์ และแรงบิด 225 นิวตันเมตร
ฟอร์ด เรนเจอร์ ใหม่สามารถลากจูงน้ำหนักได้สูงสุด 3,500 กิโลกรัม และรับน้ำหนักบรรทุกสูงถึง 1,175 กิโลกรัม ระบบเกียร์มีทั้งแบบอัตโนมัติและธรรมดาแบบ 6 สปีด ฟอร์ดยืนยันว่าเครื่องยนต์ทั้ง 4 รุ่นเปี่ยมด้วยสมรรถนะและความคุ้มค่าในทุกสภาพการขับขี่ และยังตอกย้ำเอกลักษณ์ความขับสนุกในสไตล์ฟอร์ดอีกด้วย
เพื่อการประหยัดน้ำมันสูงสุด ฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ มีการติดตั้งระบบสตาร์ทและดับเครื่องอัตโนมัติ (Automatic Start/Stop) ซึ่งจะดับเครื่องขณะที่รถหยุดนิ่งอยู่กับที่ เช่นขณะที่รอสัญญาณไฟเขียว ช่วยประหยัดน้ำมันสูงถึง 3.5 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอัตราทดเฟืองท้ายได้รับการปรับแต่งยาวขึ้น ช่วยให้ประหยัด
น้ำมันดียิ่งขึ้นเมื่อขับขี่ที่ความเร็วสูง
สรุป
มิตซูบิชิ ไทรทัน เปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 4.75 แสนบาทไปจนถึง 1 ล้านบาทเศษซึ่งมีครบครันทั้งซิงเกิล แค็บ เมกะแค็บและดับเบิลแค็บ ด้านนิสสัน นาวาร่าเคาะค่าตัวที่ 5.16 แสนบาทถึง 9.96 แสนบาทที่มาพร้อมหน้าทุกรุ่นย่อยเช่นกัน
ขณะที่ยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่งอย่างโตโยต้าเปิดราคาไฮลักซ์ รีโวเริ่มต้นที่ 5.69 แสนบาทไปจนถึงตัวท็อปไลน์ 1.139 ล้านบาทซึ่งถือว่าแพงที่สุดในเวลานี้ ไฮลักซ์ รีโวมีรุ่นย่อยให้เลือกมากมายกันถึง 33 รุ่นใครสนใจชมตัวจริงเชิญได้ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนาระหว่างวันที่ 22 – 24 พฤษภาคมนี้
คอรถกระบะอเมริกันอาจต้องรอการประกาศราคาของเรนเจอร์ใหม่กันก่อน แต่ถ้ารอไม่ไหวก็สามารถหันไปเลือก “เชฟโรเลต โคโลราโด ไฮคันทรี่” รถกระบะพรีเมียมที่เพิ่งเผยโฉมในงานบางกอก มอเตอร์โชว์กันได้ซึ่งเคาะราคาจำหน่ายที่ 1.029 ล้านบาท
ตอนนี้ถือเป็นช่วงเวลาทองของคนที่กำลังมองหารถกระบะรุ่นใหม่อย่างแท้จริง เพราะมีทางเลือกมากมาย การแข่งขันที่ดุเดือดทำให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลายยิ่งขึ้น อุปกรณ์อำนวยความสะดวกใส่มาให้กันแบบเต็มพิกัด จึงสามารถเลือกสรรได้ตามต้องการและกำลังทรัพย์ในกระเป๋า
ควรสัมผัสตัวรถคันจริงด้วยตนเองเพื่อทดลองขับและพิจารณาอ็อปชั่นอำนวยความสะดวกและอุปกรณ์ต่างๆอย่างละเอียด ก่อนตัดสินใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น