เรื่องราวของเครื่องยนต์ไฮบริดที่บอกว่าประหยัดกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น ได้พิสูจน์แล้วว่ามีความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงหรือมีการบริโภคน้ำมันเชื้อ เพลิงน้อยลงจริงๆ เปรียบเทียบกับรถยนต์ที่มีปริมาตรความจุกระบอกสูบที่น้อยกว่าก็ตาม และในการนี้เพื่อให้รถยนต์ ไฮบริดมีความประหยัดอย่างสูงสุด ถ้าเป็นไปได้โดยให้ผู้ขับขี่ ปฏิบัติตามขั้นตอนตามที่จะกล่าวถึงดังต่อไปนี้
*เมื่อต้องการออกตัว*
1. ให้เหยียบเบรก
2. เข้าเกียร์D
3. ปลด parleing Brake
4. เหยียบคันเร่งเบาๆ
ให้สังเกต บนมาตรวัดหน้าจอจะแสดงการออกตัวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ถ้ากำลังไฟในแบตเตอรี่ไฮบริดไม่เพียงพอ เครื่องยนต์จะทำงานโดยอัตโนมัติ เพื่อทำการชาร์จไฟกลับเข้าไปไว้ที่แบตเตอร์ไฮบริด
*เมื่อต้องการเร่งความเร็ว*
ให้สังเกตหน้าจอแสดงผลบนมาตรวัด จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งจะได้กำลังเสริมจากแบตเตอร์ไฮบริดโดยตรงในขณะเร่งความเร็ว จะเห็นได้ว่าหัวลูกศรทั้ง2อย่าง จะส่งไปยังล้อขับเคลื่อน หากมีเสียงดังเกิดขึ้นบ้างถือว่าเป็นเสียงปกติของมอเตอร์ทำงาน
*เมื่อต้องการขับแบบประหยัด*
ให้สังเกตมาตรวัด ทางซ้ายมือของหน้าจอ เข็มมาตรวัดหากชี้อยู่ทางด้านล่างในหมายความว่า ขับขี่อย่างประหยัดสูงสุด เพราะเป็นการขับเคลื่อนโดยระบบไฟฟ้า(E MODE) จะไม่มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแต่อย่างใด หากว่า เข็มบนมาตรวัด ชี้อยู่ที่ตัวเลข20 นั่นหมายความว่า มีอัตราการสิ้นเปลืองของน้ำมันอยู่ที่ 20 กิโลเมตรต่อลิตร อันนี้ถือว่าเป็นการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเช่นกัน แต่ถ้าหากว่าเข็มบนมาตรวัดชี้ขึ้นทางด้านบนเกินตำแหน่ง10 หรือเลยแถบสีเขียวอันนี้ถือว่าใช้น้ำมันเชื้อเพลิงพอสมควรหรือค่อนข้างมาก นั่นเองครับ นอกจากนั้นเพื่อให้มีความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างสมบูรณ์ผู้ขับขี่จะ ต้องมีการขับขี่ตามที่จะกล่าวถึงดังนี้
• การเบรก
การชะลอความเร็ว สามารถทำได้โดย การเหยียบเบรกหรือการใช้เกียร์B ขณะขับ
- ไม่ควรขับประชิดรถคันหน้าจนเกินไป
- ถอนคันเร่ง
- ค่อยๆเหยียบเบรกให้รถชะลอไม่ควรเหยียบเบรกอย่างรวดเร็วและรุนแรง เพราจะทำให้โอกาสในการชาร์จไฟมีน้อย
• ถ้าใช้ระบบเบรกไกล ยังช่วยชาร์จไฟให้มากขึ้น เรื่องยนต์จะทำงานน้อยลง
- ตำแหน่งเกียร์ B ความเร็วของรถจะลดลง ด้วยแรงหน่วงจากมอเตอร์ไฟฟ้า การชาร์จไฟจึงเป็นการเปลี่ยนกำลังที่สูญเปล่าเป็นไฟฟ้า เพื่อเก็บในแบตเตอรี่ไฮบริดเพื่อการขับครั้งต่อไป และการชาร์จไฟกลับนั้นไม่ว่าจะเป็นการถอนคันเร่งแล้วให้รถไหล, ชะลอความเร็วหรือเหยียบเบรก, หรือจังหวะนั้นกำลังไฟ แบตเตอร์ไฮบริดนิ่ง เครื่องยนต์ก็จะติดเพื่อชาร์จไฟ
• การหยุดรถ
การหยุดรถเพียงเวลาสั้นๆ สามารถหยุดด้วยเกียร์ N ได้ แต่หากกำลังไฟในแบตเตอรี่ไฮบริดวิ่งกว่าระดับจะมีข้อความเตือนให้ผู้ขับขี่ เข้าเกียร์ P แต่เพื่อให้รถยนต์ไฮบริดมีความประหยัดเมื่อมีการจอดรถให้เข้าเกียร์ P ทุกครั้ง เพื่อให้ระบบมีการชาร์จไฟในกรณีหยุดรถนานๆเช่น รถติดไฟแดง, ติดขบวนรถไฟ, จอดรถภารกิจต่างๆ เป็นต้น และที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เป็นวิธีการใช้รถยนต์ไฮบริดอย่างคุ้มค่าและถูกต้อง ก็เพื่อความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างสูงสุดนั่นเองครับ นอกจากนั้น รถยนต์ไฮบริดของโตโยต้า ยังเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้หลายประเภทไม่ว่าจะเป็น แก๊สโซฮอล์ E10 91 และ E10 95 และอ๊อกเทน 91 ขึ้นไปได้อีกด้วย
ดังนั้น หากผู้ขับขี่รถยนต์ไฮบริด สามารถกระทำได้ตามที่กล่าวมา จะพบว่า อัตราการกินน้ำมันเชื้อเพลิงจะประหยัดถึงได้ถึง57% สำหรับการใช้งานในเมือง ความเร็วน้อยกว่า 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและ24% สำหรับวิ่งทางไกลนอกเมือง ความเร็ว 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และนี้คือสุดยอดนวัตกรรมจากโตโยต้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น