เป็นปัญหาเหมือนกันนะครับว่า สงสัยจริงว่าใส่แบต 2
ลูกจะช่วยให้ไฟเพียงพอจริงหรือ
(ใช้วิทช์,ลงเครื่องเสียงตึบๆ)...ลองอ่านแล้ววิเคราะห์ตามดูนะครับ....บท
ความนี้ก็คัดลอกต่อกันมาเห็นว่ามีประโยชน์ (ต้องขออภัยเจ้าของบทความนะครับ
แบบว่าcopy มา save เก็บไว้อ่านเป็น knowledge เอาไว้นานแล้ว...)
โดยปกติอุปกรณ์จำเป็นมาตรฐานที่ติดตั้งมากับรถยนต์นั้น มีอัตราการกินกระแสที่เป็นสัดส่วน
ดังต่อไปนี้ (เป็นอัตราเฉลี่ยในรถขนาดแตกต่างกัน ถ้ารถขนาดใหญ่ก็อาจกินกระแสมากกว่ารถ
ขนาดเล็ก)
- ไฟหน้าใหญ่ 15-20 A
- ไฟป้อนเข้าระบบจุดระเบิดเครื่องยนต์ 10 A
- ไฟสำหรับที่ปัดน้ำฝน 15-20 A
- ไฟดวงต่างๆ 1 A ต่อหลอด
- ไฟสำหรับระบบปรับอากาศ 25-35 A
ถ้าเราเป็นนักสังเกตบ้างเล็กน้อยเมื่อถอยรถออกจากโชว์รูม จะเห็นได้ว่าแบตเตอรี่ที่ติดตั้งมา
กับรถนั้น มีขนาดแค่พอเหมาะประมาณ 35-45 แอมแปร์ นั่นก็เพราะเขาคิดมาตรฐานเอาจากค่า
การใช้กระแสมาตรฐานจากไฟหน้า, ไฟระบบเครื่องยนต์ และไฟอื่นๆ โดยบางครั้งยังไม่นับรวมถึง
ไฟที่ใช้สำหรับระบบปรับอากาศด้วยซ้ำไป
เวลาใช้รถตอนกลางคืนที่ฝนตกหนักๆ แค่เปิดไฟหน้าและที่ปรับน้ำฝนพร้อมกับระบบปรับ
อากาศ จะสังเกตเห็นไฟหรี่ภายในรถมีอาการวูบวาบแล้ว บางท่านที่พอรู้เรื่องรู้ราวบ้างก็จัดการ
เปลี่ยนแบตเตอรี่ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 50-65 แอมแปร์ อาการดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป
การเปลี่ยนแบตเตอรี่นั้นอาจถูกต้องในบางเรื่องแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะจะต้องคำนึงถึง
‘ไดชาร์จ’ หรืออัลเตอเนเตอร์ด้วย ถ้าไดชาร์จมีขนาดแรงดันกระแสขาออกแค่เพียง 35 A
โดยทางทฤษฎีมันจะมีความเหมาะสมเพื่อใช้กับแบตเตอรี่ขนาด 35 A เท่านั้น ถ้าใช้แบตเตอรี่
เพิ่ม
เป็นขนาด 50 A ไดชาร์จจะต้องทำอย่างหนักเพื่อพยายามเติมไฟให้เต็มแบตเตอรี่
50 A โดยไม่มีการเรียกใช้ไฟจากระบบไฟรถยนต์เลยถ้ายังต้องเปิดไฟหน้า
หรือเปิดเครื่อง
ปรับอากาศในระหว่างที่ไดชาร์จกำลังเติมไฟให้แบตเตอรี่ กระแสไฟที่แบตเตอรี่ก็จะไม่มี
วัน
เต็มได้เลยถ้าคิดอัตราเฉลี่ยในการเติมไฟแบตเตอรี่ของไดชาร์จโดยไม่มีการโหลด
จากระบบไฟรถยนต์ ไดชาร์จขนาด 35 A จะเติมไฟให้เต็มแบตเตอรี่ขนาด 50 A
ได้ในเวลาเกือบๆ
2 ชั่วโมง
ซึ่งแน่นอนว่าขณะที่ทำการปั่นไดชาร์จ
ด้วยเครื่องยนต์เพื่อเติมไฟให้เต็มแบตเตอรี่ระบบเครื่องยนต์ก็จะกินไฟ 10 A
อยู่ตลอดเวลา ระยะเวลาจึงยิ่งนานเข้าไปอีก
ยิ่งถ้ามีการเปิดระบบปรับอากาศด้วยก็ยิ่งนานขึ้นอีกในปัจจุบันเทคโนโลยีด้าน
ระบบเสียงรถยนต์มีความเจริญก้าวหน้าอย่างมากจากกำลังขยายเพียงแค่ไม่กี่
วัตต์ในสมัยก่อน กลายมาเป็นกำลังขยายในระดับพัน-สองพันวัตต์ในปัจจุบัน
สิ่งหนึ่งที่ผู้คนทั้งหลายต่างมองข้ามกันไปก็คงเป็นเรื่องของ ‘กำลังไฟ’
ที่จะป้อนจ่ายให้กับอุปกรณ์ระบบเสียงหลายท่านไม่ทราบว่าจะต้องคำนวณการกิน
กระแสของระบบได้อย่างไร
การเพิ่มขนาดของแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช้ทางแก้ปัญหา การเรียกกำลังไฟจากรถยนต์ที่ถูกต้องโดยปกติเราต้องใช้ไดชาร์จที่มีขนาดกระแสขาออกได้มากกว่าความต้องการของ
กระแสรวมประมาณ 20% และ 40-50% ถ้าค่ากระแสขาออกนั้นบอกมาในหน่วย Cold152
1. สายไฟแรงดันที่ขั้วบวก หรือขั้วลบที่ลงกราวน์ อาจมีขนาดเล็กเกินไปเมื่อ
เทียบกับจำนวนของกระแสที่ไหลผ่าน
2.
เกิดอิมพีแดนซ์อย่างรุนแรงในจุดต่อยึดบางจุดของสายไฟแรงดัน/หรือขั้วกราวน์
อาทิ ขั้วแบตเตอรี่เสื่อม, มีการต่อสายไฟแรงดันอย่างหลวมๆ ไม่บัดกรี,
ขันหัว
ขั้วแบตเตอรี่ไม่แน่น, ยึดหัวขั้วไฟกราวน์ไม่แน่น, ไม่ขูดสีตัวถังให้สะอาด หรือกราวน์ไม่
สมบูรณ์
3. ขนาดของแบตเตอรี่ไม่เพียงพอที่จะจ่ายกระแสไฟให้กับระบบเสียง หรือมีความจะของกระแสที่แบตเตอรี่น้อยเกินไป
4. แบตเตอรี่มีการคายประจุที่เร็วมาก (ผิดปกติ) หรือไม่ก็แผ่นแซลในแบตเตอรี่เกิดความเสียหาย (เปลี่ยนใหม่)แล้วเช็คด้วย VOM อีกครั้ง
5.
แบตเตอรี่มีขนาดพอเพียงกับการจ่ายกระแส แต่ว่าตัว ‘ไดชาร์จ’
ให้ขนาดกระแสขาออกน้อยเกินไป
หรือไม่สามารถจ่ายกระแสได้มาพอต่อการประจุแบตเตอรี่ให้เต็มได้
กรณีแบบนี้ค่าแรงดันที่วัดได้จากแบตเตอรี่จะต่ำกว่า 12 โวลท์
เมื่อทำการตรวจวัดในขณะดับเครื่องยนต์
จึงอาจต้องระวังเรื่องนี้ในการสับเปลี่ยนไดชาร์จ นอกจากนั้นยังพบว่าไดชาร์จและ
การประจุกำลังไฟของรถยนต์มีความแตกต่างกันในรถแต่ละคัน บางระบบสามารถจ่าย
กระแสออกมาได้เต็มที่เมื่อเครื่องยนต์ทำงานขณะที่บางระบบจะจ่ายกระแสก็ต่อเมื่อ
เครื่อง
ยนต์มีรอบปั่นสูงๆ
ซึ่งความแตกต่างนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่พึงระวังโดยหลักการแล้วไดชาร์จถูกคิด
ค้นและสร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ 2 ประการ คือ
1. เพื่อผลิตและแจกจ่ายกระแสไฟให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ เมื่อเครื่องยนต์
เริ่มทำงาน
2. เพื่อจ่ายกระแสไฟไปกักเก็บเอาไว้ที่แบตเตอรี่ เพื่อนำก
วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555
Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้า 100% เข้าไทยแล้ว 2.85 ล้าน
Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้า 100% เข้าไทยแล้ว 2.85 ล้าน
พอพูดถึงรถไฟฟ้า เราจะเห็นได้ว่าหลายๆคนเริ่มไม่ตื่นเต้นกันเพราะเคยได้ยินมามาก แต่ที่จริงแล้วรถไฟฟ้าที่ออกข่าวมาส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงรถต้นแบบและติดปัญหาในการใช้งานจริง หรือการรับรองในการใช้งานต่อนานาชาติ Nissan Leaf คือรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ผลิตเป็นจำนวนมาก และสามารถใช้งานได้ทั่วไป และคนธรรมดาสามารถเป็นเจ้าของได้คันแรกของโลก มีกลุ่มเป้าหมายคือผู้หญิงและคนอายุน้อย ถือเป็นนวตกรรมระดับโลก ผ่านการเมืองมาอย่างโชกโชน มีความยิ่งใหญ่ในวงการรถยนต์จนทำให้บริษัท Nissan คือบริษัทรถยนต์หนึ่งเดียวที่ติดอันดับบริษัท TOP innovation ระดับโลกร่วมกับ Apple, facebook twitter และ Google ภายในทันสมัย ภายในทันสมัย รถคันนี้ไม่มีไอเสียออกมาเลย ไม่มีความสั่นสะเทือน ไม่มีกลิ่น ไม่มีเสียง Nissan บอกว่ามันให้อารมณ์ราบเรียบเหมือนกับการ “ส่งเอกสารด้วยนกพิราบ” แต่ยังคงขับสนุกตามสไตล์นิสสัน ความยิ่งใหญ่ของการผลักดันรถไฟฟ้า 100% Carlos Ghosn CEO และ Chairman Nissan Carlos Ghosn CEO และ Chairman Nissan
การใช้พลังงานฟอสซิล และน้ำมัน คือผลประโยชน์และการเมืองระดับโลกที่ทำให้รถไฟฟ้าไม่พัฒนา และทำให้รัฐบาลในหลายประเทศยังลังเลที่จะสนับสนุนรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง ซึ่งก็ทำให้ไม่เกิด Station การเติมไฟฟ้าเร่งด่วนสักที แต่นิสสันได้มุ่งมั่นและฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆซึ่งต้องนับถือจิตใจที่เข้มแข็งของเหล่าผู้บริหาร Nissan Leaf สามารถที่จะเสียบปลั๊กไฟในบ้านได้เลยโดยไม่ต้องการสถานีเติมไฟเร่งด่วนแต่อย่างใด Spec และการใช้งานของ Nissan Leaf เปิดจมูกด้านหน้า Leaf ชาร์ทไฟได้
เปิดจมูกด้านหน้า Leaf ชาร์ทไฟได้ - รถยนต์คันนี้สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 145 km/h ความเร็วบนทางด่วน 100-130 ซึ่งเพียงพอต่อการเดินทาง - มีแรงม้าประมาณ 80 แรงม้า - มีแรงบิด 207 ปอนด์ฟุต - มีระบบ ABS EDB ถุงลม - ใช้เวลาชาร์จ 8 ชั่วโมงจากระบบไฟบ้านปกติ - สามารถ Quick charge โดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ได้ไฟ 80% ของแบ็ตเตอรี่ (พักรถที่ปั๊มเวลาเดินทางได้) - ไฟเต็ม 100% สามารถเดินทางได้ 200km - มีระบบ regenerate เบรค สร้างไฟฟ้ากลับคืน เหมือนรถไฮบิริจทั่วไป - ใช้แบ็ตเตอรี่ลิเทียมไอออน - ดีไซน์ลักษณะเหมือนรถอนาคต น่ารักทันสมัย - มีมาตรวัดไฟฟ้าแทนน้ำมัน - การสตาร์ทแทนที่จะเป็นเสียงเครื่องยนต์ เปลี่ยนเป็นเสียงเพลงน่ารักๆสไตล์ญี่ปุ่นแทน - หัวเกียร์มีรูปร่างคล้ายเมาส์ มีโหมด P N D และ Eco - ปุ่มสตาร์ท keyless go ไม่ต้องใช้กุญแจตามสมัยนิยม - ความรู้สึกในการขับเร่งได้แรงเหมือนรถ 1.5 - ไม่มีท่อไอเสีย สำหรับผู้ที่นำเข้าตอนนี้ลองไปเซิร์ทหาดูกันได้ ขณะที่เขียนนี้มีอยู่ 6 คัน 6 สี มีการรับประกันแบ็ตเตอรี่ยาวนานจนไม่ต้องกังวล สำหรับราคา 2.85 ล้านนั้นถือว่าค่อนข้างสูงเนื่องจากยังเป็นสินค้า innovation ที่มีผู้ใช้น้อยและมีอัตราภาษีนำเข้า แต่ถ้าเทียบกับรถราคาเท่าๆกันคันอื่น (เช่น Camry 3.5 หรือ Mini หรือ BMW series3) ก็ยังถือว่าน่าใช้ และเป็นกิมมิคที่ผู้ใช้จะได้พูดคุยกับคนอื่นๆได้เป็นอย่างดีทีเดียว แถมเนื่องจากรถไฟฟ้าในไทยยังไม่เป็นที่รู้จักมาก ดังนั้นคุณเองอาจไปขอชาร์จที่โรงแรมที่คุณเดินทางไปพักได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ
พอพูดถึงรถไฟฟ้า เราจะเห็นได้ว่าหลายๆคนเริ่มไม่ตื่นเต้นกันเพราะเคยได้ยินมามาก แต่ที่จริงแล้วรถไฟฟ้าที่ออกข่าวมาส่วนใหญ่ยังเป็นเพียงรถต้นแบบและติดปัญหาในการใช้งานจริง หรือการรับรองในการใช้งานต่อนานาชาติ Nissan Leaf คือรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่ผลิตเป็นจำนวนมาก และสามารถใช้งานได้ทั่วไป และคนธรรมดาสามารถเป็นเจ้าของได้คันแรกของโลก มีกลุ่มเป้าหมายคือผู้หญิงและคนอายุน้อย ถือเป็นนวตกรรมระดับโลก ผ่านการเมืองมาอย่างโชกโชน มีความยิ่งใหญ่ในวงการรถยนต์จนทำให้บริษัท Nissan คือบริษัทรถยนต์หนึ่งเดียวที่ติดอันดับบริษัท TOP innovation ระดับโลกร่วมกับ Apple, facebook twitter และ Google ภายในทันสมัย ภายในทันสมัย รถคันนี้ไม่มีไอเสียออกมาเลย ไม่มีความสั่นสะเทือน ไม่มีกลิ่น ไม่มีเสียง Nissan บอกว่ามันให้อารมณ์ราบเรียบเหมือนกับการ “ส่งเอกสารด้วยนกพิราบ” แต่ยังคงขับสนุกตามสไตล์นิสสัน ความยิ่งใหญ่ของการผลักดันรถไฟฟ้า 100% Carlos Ghosn CEO และ Chairman Nissan Carlos Ghosn CEO และ Chairman Nissan
การใช้พลังงานฟอสซิล และน้ำมัน คือผลประโยชน์และการเมืองระดับโลกที่ทำให้รถไฟฟ้าไม่พัฒนา และทำให้รัฐบาลในหลายประเทศยังลังเลที่จะสนับสนุนรถไฟฟ้าอย่างจริงจัง ซึ่งก็ทำให้ไม่เกิด Station การเติมไฟฟ้าเร่งด่วนสักที แต่นิสสันได้มุ่งมั่นและฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆซึ่งต้องนับถือจิตใจที่เข้มแข็งของเหล่าผู้บริหาร Nissan Leaf สามารถที่จะเสียบปลั๊กไฟในบ้านได้เลยโดยไม่ต้องการสถานีเติมไฟเร่งด่วนแต่อย่างใด Spec และการใช้งานของ Nissan Leaf เปิดจมูกด้านหน้า Leaf ชาร์ทไฟได้
เปิดจมูกด้านหน้า Leaf ชาร์ทไฟได้ - รถยนต์คันนี้สามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 145 km/h ความเร็วบนทางด่วน 100-130 ซึ่งเพียงพอต่อการเดินทาง - มีแรงม้าประมาณ 80 แรงม้า - มีแรงบิด 207 ปอนด์ฟุต - มีระบบ ABS EDB ถุงลม - ใช้เวลาชาร์จ 8 ชั่วโมงจากระบบไฟบ้านปกติ - สามารถ Quick charge โดยใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง ได้ไฟ 80% ของแบ็ตเตอรี่ (พักรถที่ปั๊มเวลาเดินทางได้) - ไฟเต็ม 100% สามารถเดินทางได้ 200km - มีระบบ regenerate เบรค สร้างไฟฟ้ากลับคืน เหมือนรถไฮบิริจทั่วไป - ใช้แบ็ตเตอรี่ลิเทียมไอออน - ดีไซน์ลักษณะเหมือนรถอนาคต น่ารักทันสมัย - มีมาตรวัดไฟฟ้าแทนน้ำมัน - การสตาร์ทแทนที่จะเป็นเสียงเครื่องยนต์ เปลี่ยนเป็นเสียงเพลงน่ารักๆสไตล์ญี่ปุ่นแทน - หัวเกียร์มีรูปร่างคล้ายเมาส์ มีโหมด P N D และ Eco - ปุ่มสตาร์ท keyless go ไม่ต้องใช้กุญแจตามสมัยนิยม - ความรู้สึกในการขับเร่งได้แรงเหมือนรถ 1.5 - ไม่มีท่อไอเสีย สำหรับผู้ที่นำเข้าตอนนี้ลองไปเซิร์ทหาดูกันได้ ขณะที่เขียนนี้มีอยู่ 6 คัน 6 สี มีการรับประกันแบ็ตเตอรี่ยาวนานจนไม่ต้องกังวล สำหรับราคา 2.85 ล้านนั้นถือว่าค่อนข้างสูงเนื่องจากยังเป็นสินค้า innovation ที่มีผู้ใช้น้อยและมีอัตราภาษีนำเข้า แต่ถ้าเทียบกับรถราคาเท่าๆกันคันอื่น (เช่น Camry 3.5 หรือ Mini หรือ BMW series3) ก็ยังถือว่าน่าใช้ และเป็นกิมมิคที่ผู้ใช้จะได้พูดคุยกับคนอื่นๆได้เป็นอย่างดีทีเดียว แถมเนื่องจากรถไฟฟ้าในไทยยังไม่เป็นที่รู้จักมาก ดังนั้นคุณเองอาจไปขอชาร์จที่โรงแรมที่คุณเดินทางไปพักได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายด้วยซ้ำ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)